พรี่เชื่อว่าพวกเธอหลายๆคนอยากได้ อยากซื้อ อยากใช้กระเป๋าแบรนด์เนมกัน มันคือเครื่องบอกฐานนันดรของชาวเราไง หิ้วแบรนด์เนมไปเดินเที่ยว มันทำให้เกิดออร่าที่สว่างว๊าบบบ ทำให้คนรอบข้างเหมือนเห็นดอกฟ้า จนทำให้กลิ่นกุหลาบรอบข้างเป็นกลิ่นที่ธรรมดาไปเลย
ประเด็นก็คือ หลายคนมองว่าการจะซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมซักใบนึง “มันใช้ตังเยอะ” ก็จริง แต่เธอต้องอย่าลืมว่าทุกคนมีความฝัน และเราสามารถสร้างฝันให้เป็นจริงได้ด้วยการสร้างเป้าหมายด้วยการซื้อมันค่ะ!!!
สมมติเธอไปหยุดอยู่หน้าร้าน GUCCI แล้วไปเจอ กระเป๋าตังที่เธออยากได้อย่าง Gucci Marmont 26mm ราคาประมาณ 70,000 บาท ซึ่งมันจะทำให้เธอฟินมาก หรือไปเจอ Chanel Classic Flap Medium ราคา 192,000 ว้ายยย
คำถามคือจะทำยังไงให้ได้กระเป๋าใบนี้มาได้บ้างคะ?
วิธีที่ 1 อ้อนผัวให้ซื้อให้
ผัวข๋าาาาา ซื้อให้หน่อยค่ะ
อ้าว ผัวเงียบจัง…
ลืมไปไม่มีผัวค่ะ จบ… ต้องซื้อเอง ไปวิธีที่ 2 กันค่ะ
วิธีที่ 2 ใช้บัตรเครดิตรูดไปก่อน จ่ายที่หลัง
สิ่งที่พวกเธอต้องจำไว้ก็คือ บัตรเครดิตคือ “วงเงิน” ไม่ใช่ “เงินที่เธอมี” นั่นหมายความว่าถึงธนาคารให้เธอรูดเงินแล้วได้กระเป๋าราคา 70,000 บาทมาครอบครอง เธออออน่ะก็ต้องหาเงินก้อนนี้มาจ่ายธนาคารที่หลัง
และโดยปกติแล้วร้านค้าแบรนด์เนมบางทีเขาก็มีเงื่อนไขด้วย อย่างเช่นถ้าเธอจะรูดบัตรเธอไปถามเขาว่า ผ่อนได้ไหมคะ แยกหลายๆบิลคนละบัตรได้ไหมคะ วงเงินไม่พอ เขาก็อาจจะไม่ให้ค่ะ แต่อย่าไปถามเขาเลย เอาแบบว่าเรามีบัตรเครดิตที่วงเงินรูดได้ไปรูดเลยดีกว่า เพราะเวลาซื้อเราต้องแบบทำตัว สวยๆ รวยๆ มีเงินเข้าไว้
การซื้อด้วยบัตรเครดิตเธอจะต้องแน่ใจในเรื่องดังนี้ค่ะ
มีเงินสดพอที่จะซื้อ :
เงินสดที่มีพอที่จะชำระบัตรได้ นั้นไม่ได้หมายถึงมีเงินพอซื้อก็ซื้อเลย แต่เงินสดต้องเป็นเงินที่แบ่งไว้ตามวัตถุประสงค์ของการซื้อด้วย ซึ่งเงินก่อนนี้ควรจะต้องแยกกับเงินเกษียณ เงินเอาไว้จ่ายภาษี เงินใช้จ่ายประจำวัน เงินเอาไว้เผื่อฉุกเฉิน แล้วก็อย่ามาใช้มุกแบบ “แกรรร ฉุกเฉินมาก ต้องถอนเงินฉุกเฉินมาซื้อ Balenciaga” แบบนี้พรี่ตบนะคะ เงิน shopping ควรเป็นเงินส่วน Shopping คร่า
มีกระแสเงินสดพอที่จะผ่อนได้ :
การผ่อนถือว่าเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่ง แต่ในร้านแบรนด์เนมเขาอาจจะไม่ให้เธอผ่อน เธอก็ต้องมา Deal กับทางธนาคารในการขอแบ่งจ่ายเอง ซึ่งบางทีเขาจะมีค่าดอกเบี้ยด้วย เช่น ดอกเบี้ยพิเศษ 0.84% ต่อเดือน นานสูงสุด 10 เดือน พวกนี้จะเป็นภาระทางการเงินที่เธอจะต้องคำนวณไปด้วย สมมติคำนวณไปๆมาๆแล้วเธอต้องแบ่งจ่าย 10 เดือน เดือนละ 8,000 บาท ก็ต้องมาตรวจสอบดูว่าเธอมีรายได้มากพอจะนำมาผ่อนได้ไหม
ตัวอย่างเช่น รายได้เธอ 100,000 บาท ผ่อนเดือนละ 8,000 ไม่มีภาระอื่นเลย ไม่มีผัว ไม่มีลูก คอนโดผ่อนหมดแล้ว อ่ะ แบบนี้เราก็พอจะทยอยผ่อนได้อยู่แล้วเพราะยังมีเงินใช้จ่ายอีกเยอะมาก แต่ถ้าเธอรายได้ 20,000 แต่จะผ่อน 8,000 ก็ต้องคิดดีๆว่าเหลือ 12,000 แน่ใจว่าจะพอไหมในการดำรงชีวิตในแต่ละเดือน ถ้ามันเยอะเกินไปก็ไว้ค่อยซื้อก็ได้
วิธีที่ 3 เก็บเงินก่อน ออมเงินไว้
วิธีนี้คือ กลั้นใจไว้ก่อนค่ะ ยังไม่ซื้อๆๆๆๆ รอเก็บเงินเอาไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ให้เราตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าเราจะเก็บเงินซื้อกระเป๋าหรือ Shopping ด้วยงบเท่าไหร่ เช่น เราจะเก็บเดือนละ 5,000 บาท เพื่อเอาไว้ซื้อกระเป๋าที่เราอยากได้ สมมติเธอเก็บอย่างมีวินัยมาก ผ่านไป 20 เดือนได้ม 100,000 นี่ไง เธอก็มีเงินพอที่จะไปซื้อได้แล้ว เพียงแต่วิธีนี้อาจจะไม่ได้ของทันที ราคาอาจจะแพงขึ้นหากแบรนด์มีการปรับราคา แต่ในอีกแง่มุมที่ดี ในตอนนั้นเราก็อาจจะมีของใหม่ๆที่เป็นทางเลือกที่เราต้องการก็ได้
วิธีที่ 4 เก็บเงินไว้ลงทุนให้งอกเงยก่อนแล้วค่อยซื้อ
วิธีการนี้พี่ชอบใช้มากกกก ก็คือเราวางแผนการลงทุนก่อน เช่น เอาเงินไปออมในหุ้นหรือซื้อกองทุนรวม เดือนละ 5,000 – 10,000 นึง ทยอยลงทุนไปเรื่อยๆ การลงทุนจะทำให้เราได้ผลตอบแทน 2 รูปแบบคือ ส่วนต่างของราคาที่ซื้อและขาย และ เงินปันผล แนะนำให้ศึกษาเรื่อง ออมหุ้นแบบ DCA
ในกรณีที่เราลงทุนแล้วได้กำไร เราอาจจะได้เงินกลับมา 70,000 บาท โดยแบ่งเป็นเงินที่เราออมเอาไว้ 65,000 บาท และในส่วนที่เป็นกำไร 5,000 บาท ก็สามารถขายนำมา Shopping ก็ได้
แต่ถ้าเกิดไม่รีบ ก็ลงทุนไปเรื่อยๆ สะสมมูลค่าที่เราลงทุนและสะสมหุ้น/หน่วยลงทุน ให้มีเงินปันผลที่มากขึ้น สะสมไปมาในช่วงเวลา 10 ปี สมมติว่าปันผลทีเงินมา 300,000 บาท เธอก็เอาเงินปันผลไปซื้อแทน ตอนนั้นจะมีเงินงอกมาให้ซื้อกระเป๋าเรื่อยๆได้เลย
หมายเหตุ! การลงทุนก่อนแล้วค่อยเอาผลตอบแทนที่งอกเงยมาใช้จ่ายนั้น อาจจะไม่สำเร็จก็ได้ หากทรัพย์สินที่เราลงทุน เจ๊ง! เช่น เจอหุ้นเน่า กองทุนบรรลัยโลก ต้องยอมรับในจุดนี้ก่อนเพราะการลงทุนมีความเสี่ยง
เทคนิคของพี่ เวลาที่จะซื้อของ
- เอาเงินไปออมหุ้น/กองทุนก่อน (DCA จ้า)
- ได้เงินปันผลมา กองเอาไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น
- รูดผ่อนจ่ายไปก่อน หากมี 0% ก็ผ่อนไป (ถ้าต้องเสียดอกจะจ่ายสด)
- ทยอยขายกองทุนมาชำระบัตรเคริตในแต่ละเดือน
สิ่งที่จะได้รับ
- ของที่ต้องการซื้อ
- แต้มบัตรเครดิต
- ผลตอบแทนจากการพักเงินไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น
- เงินที่ลงทุนเอาไว้ก็ยังอยู่จ้าาาา (แต่จะขาดทุนไหมอีกเรื่อง)
แนวคิดการวางแผนเพื่อให้เราไปสู่ป้าหมายความฝันของเรานั้นมีหลายวิธีมาก แค่เราเลือกวิธีที่เหมาะสมกับเรา ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน (เช่นไปยืมเงินเพื่อนแล้วไม่คืน) ก็ทำเถอะ มีงาน มีเงินเก็บ ก็ต้องมีชีวิตและความสุขด้วยจ้า จุฟๆ
สนใจบัตรเครดิตในการ Shopping สมัครได้ที่ >>>>> CitiBank