ในบทความตอนนี้เราจะมาคุยกันเรื่องพื้นฐานการลงทุนในหุ้นนะเธอ หลายคนเป็นมือใหม่ ไม่รู้จะเริ่มยังไง กลัวความจังไรเกิดขึ้นในพอร์ต แบบว่าคิดชื่อหุ้นได้ตัวนึง แต่ไม่รู้ว่ามันดีหรือเปล่า อยากจะเอาหุ้นยัดลงพอร์ตระยะยาวจะดีไหม?
จำกฎข้อนึงไว้นะตัวเธอ !
“การลงทุนในหุ้นมันคือการลงทุนในธุรกิจ ไม่ใช่ลงทุนในราคาหุ้นที่แกว่งไปมา”
อาจจะมีหลายคนที่ตอนเด็กๆหลายๆคนอาจจะเคยหุ้นตังกับเพื่อนซื้อของมาขายใช่ไหม ถามตัวเองดูสิว่าตอนนั้นเราหวังอะไร? หวังกำไร? หรือหวังจะได้กิน?
วรั้ยยย… ถามไงได้ไงก็ต้องหวังกำไรสิ! พอขายของได้กำไรก็ต้องเอามาแจกกันในหมู่ฉันเพื่อนตามสัดส่วนผู้ถือหุ้น
เพราะฉะนั้นแล้วการเลือกหุ้นด้วยเบสิคพื้นฐานของมือใหม่เปิดซิงค์ หุ้นดีดูยังไง สิ่งที่มันควรจะโผล่มาให้เราเห็น คือ “กำไร” ขายของมันต้องได้กำไร ไม่ได้กำไรจะไปลงทุนทำไมเธอ และมันจะต้องได้ กำไรแบบ 2 กำโผล่ ซึ่งได้แก่
- กำไรจากการขาย (กำไรขั้นต้น)
- กำไรสุทธิ
เวลาที่ขายของ สิ่งที่เราจะได้ก็คือ “ยอดขาย/รายได้”
แล้วพอเราเอา ยอดขาย – ต้นทุนในการขาย = กำไรจากการขาย
ทีนี้เราเอา กำไรจากการขาย – ต้นทุนในการบริหารและอื่นๆ = กำไรสุทธิ
ตัวอย่างง่ายๆที่สุด เวลาที่เธอหารเงินหุ้นกันเปิดร้านอาหารกับผองเพื่อน พวกต้นทุนในการขายจะเป็นพวกค่าวัตถุดิบต่างๆ ค่าเสื่อมราคาของอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการประกอบอาหาร กำไรขั้นต้นมันจะบอกว่าธุรกิจนี้น่าสนใจหรือเปล่า ถ้าขายของแล้วกำไร่ต่อชิ้นเยอะๆใครๆก็ชอบ แต่ของกำไรเยอะมันก็ทำให้มีคนอยากเข้ามาแข่งกับเรา และบางธุรกิจก็ควบคุมต้นทุนได้ยาก อย่างพวกปิโตรเคมี น้ำมัน พวกเธอต้องไปศึกษากันต่อนะ
ส่วนพวกค่าบริหารงานก็จะเป็นพวกต้นทุนที่เป็นเงินเดือน พวกค่าใช้จ่ายในออฟฟิศทั้งหลายที่จ่ายไปในการบริหารกิจการ พวกนี้เป็นต้นทุนที่จะบอกว่าพวกเธอใช้เงินกันเก่งไหมหรือใช้เงินไปกับการบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเปล่า บางบริษัทถึงไล่พวกเธอออกไงเวลาทำงานไม่คุ้ม ฮาๆ และยังมีต้นทุนอื่นๆอีกแบบต้นทุนทางการเงิน
พวกต้นทุนเนี่ยพวกเธอก็ลองไปศึกษาดูเพิ่มเพราะในแต่ละุอุตสาหกรรมมันอาจจะมีบางส่วนแตกต่างกันได้ พรี่เองก็ไม่ใช่นักบัญชี แต่เอาเป็นว่าทำธุรกิจมันต้องบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดกำไรแบบ 2 กำโผล่นะคะ
คือโดยสรุปในมุมมองพรี่ มองแบบนี้
- กำไรขั้นต้น บอกว่า ธุรกิจนั้นน่าสนใจหรือเปล่า กำไรดีไหม
- กำไรสุทธิ บอกว่า ธุรกิจนั้นกำไรมาสู่ผู้ถือหุ้นไหม
—
มาดูตัวอย่างงบการเงินง่ายๆจากข้อมูลใน Set.or.th
เลือกหุ้น > เมนู งบการเงิน/ผลประกอบการ
ตรงนี้เราจะดูข้อมูลของ “กำไรสุทธิ” ได้
ตัวอย่างข้างล่างจะเห็นได้ว่า บริษัทนี้มียอดขายที่เติบโตและกำไรที่เติบโตด้วยนะธอ เป็นธุรกิจแบบมีกำโผล่
อันนี้ กำแล้วไม่โผล่เลยยยยย พรี่ไม่ชอบอะไรแบบนี้ คบกันแล้วไม่สนุก ชิ
อีกจุดนึงที่เราจะสามารถดูข้อมูลได้คือ
เลือกหุ้น > เมนู บริษัท/หลักทรัพย์ > สรุปข้อสนเทศบริษัทจดทะเบียน
อันนี้เขาจะแสดงเป็น % นะเธอ สมมติว่า ยอดขาย 100% จะเป็นกำไรในแต่ละแบบยังไง จะเป็นอัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 21.22% และเป็น อัตรากำไรสุทธิ 3-4%
ส่วนอันนี้ไม่เกิด 2 กำโผล่นะเธอ เราไม่ชอบแบบนี้ ไม่ใช่ Style เลิกคบ ฟ้องหย่าเลยค่ะ
ถ้าถามว่ามีกรณีไหนไหมที่เราเจอหุ้น 2 กำโผล่ แต่มันเป็นหุ้นเน่าได้ คำตอบก็คือ “มีค่ะเธอ” เช่นหุ้นที่เน่ามานานนมอยู่ๆมีกำไรพิเศษโผล่มาเฉยเลย หรือ ไม่ก็เป็นหุ้นที่มีการตีมูลค่าอะไรแปลกๆขึ้นมา ซึ่งตรงนี้มักจะเป็นข่าวและดราม่าในวงการตลาดหลักทรัพย์ จนไปถึงคำกล่าวที่เขาบอกชอบถามกันว่า “บัญชีนี่แต่งได้ไหม?”
เรื่องนี้ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งในการลงทุน จริงๆงบการเงินก็มีอื่นๆอีก มี Detail ค่อนข้างเยอะ ก็ไม่เป็นไร เราก็ค่อยๆศึกษากันไปนะที่รัก เราเป็นนักลงทุนมือใหม่ บางทีเราไม่ได้มี Skill แบบนักบัญชีหรือผู้ตรวจสอบบัญชี ก็เพิ่มความรู้กันไปทีละขั้นนะจ๊ะ
ข้อมูล อ้างอิงจาก Set.or.th
พื้นที่โฆษณา
สนใจบัตรเครดิตสมัครได้ที่ >>> CitiBank