ในช่วงไม่กี่วันนี้เห็นเพื่อนๆแชร์ข่าวประเด็นเกี่ยวกับมาตรการคุมสินเชื่อใหม่ ที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังเปิดรับความคิดเห็น (ภายใน 22 ตุลาคม 2561) โดยจะมีการกำหนดเงื่อนไขเรื่องเงินดาวน์มากขึ้น พรี่ก็เลยไปหาข้อมูลมาเล่าให้ฟังจ้า
เรื่องก็มีอยู่ว่า เวลาที่เราจะกู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ บ้าน คอนโด หรือพวกห้องเชือด ฮาเลม ของพวกเธออะไรเนี่ย มันจะมีเงินส่วนหลักๆคือ
- ชำระเงินดาวน์กับทางโครงการ (ส่วนแรก)
- ทำเรื่องกู้สินเชื่อและผ่อนกับธนาคาร (ส่วนที่ 2)
- ส่วนค่าอื่นๆก็จะมีค่าจอง ค่าโอน บลา บลา
ในส่วนแรกที่เป็นเงินดาวน์ถ้าราคาไม่ถึง 10 ล้าน ปกติก็จะอยู่กันที่ 10-15% แล้วพอผ่อนไปแล้วก็จะไปกู้เงินกับทางธนาคารมาจ่ายที่เหลือ เช่น อีก 85-90% นอกจากนี้ธนาคารอาจจะให้กู้เพิ่มได้อีก เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อจ่ายประกันชีวิต สินเชื่อปรับปรุง ต่อเติม ซ่อมแซม ทั้งหลาย ก็กู้กันเข้าไปจร้าาาาา
ไปๆมาๆสมมติเราผ่อนดาวอยู่ 10% ธนาคารให้กู้เพิ่มรวมๆแล้วเกิน 100% ก็มี และพอมีการแข่งขันให้สินเชื่อ มันก็มีความเสี่ยงเพิ่ม ทางธนาคารแห่งประเทศไทยก็เลยมองว่าต้องมีมาตรการออกมา ไม่งั้นถ้าเกิดหนี้เสียจะแย่เลย
มาตรการที่เสนอมาก็คือ
- ต้องวางเงินดาวน์อย่างน้อย 20% ของมูลค่าหลักประกัน
- รวมสินเชื่อทุกอย่างที่ใช้หลักประกันเดียวกัน ไม่เกิน 80%
- กำหนดให้ใช้ในการกู้บ้านราคาแพง 10 ล้านขึ้นไป หรือการกู้บ้านหลังที่ 2 ขึ้นไป
ยกตัวอย่างคร่าวๆให้เห็นภาพ เช่น จะซื้อคอนโด 10 ล้านบาท ต้องดาวน์อย่างน้อย 2 ล้านบาท และกู้ที่เหลือในวงเงินรวมแล้วไม่เกิน 8 ล้านบาท
มาตรการนี้จะทำให้คนเก็งกำไรกันน้อยลงเพราะเดิมแค่ลงเงินดาวน้อยๆ และไปกู้เอาที่เหลือ แต่พอต้องควักเงิน 20% เราเองก็ต้องคิดแล้วคิดอีกหากอยากลงทุนเพื่อเก็งกำไร ยกเว้นเราอยากจะอาศัยอยู่จริงๆ การจ่ายเงินดาวน์มากขึ้นและกู้น้อยลง ทำให้ภาระหนี้เราน้อยลงตาม โอกาสเป็นหนี้เสียก็น้อยลงในภาพรวม
ทั้งหมดทางแบงค์ชาติมองว่าถ้ามีการใช้มาตรการนี้จะทำให้ผลดีในระยะยาว ผู้ซื้อจะเป็นผู้อยู่อาศัยจริงเป็นหลัก ธนาคารก็ได้สินเชื่อที่มีคุณภาพลดโอกาสหนี้เสีย นักลงทุนก็ต้องประเมินและลดความเสี่ยงตัวเองมากขึ้น ผู้ประกอบการก็วางแผนขยายกิจการได้เหมาะสมยิ่งขึ้น
ส่วนผลกระทบต่อหุ้นอสังหานั้น ก็ต้องไปดูกันนะจ๊ะว่า มาตรการนี้ทำให้เกิดผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า ผู้ประกอบการไหนที่มีกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่ดาวน์น้อยและต้องปรับเงินดาวน์ตามนโยบายก็จะถูกกระทบแน่นอน ส่วนผู้ประกอบการที่ขายบ้านราคาแพงและดาวน์เกิน 20% อยู่แล้วก็จะไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก
โดยส่วนตัวผมมองว่าการเก็งกำไรพวกบ้านและคอนโดราคาน้อยๆเนี่ยจะหายไปก่อนเลย ก็เดี๋ยวติดตามกันต่อไปนะจ๊ะว่าจะเป็นอย่างไร
Source :
ธนาคารแห่งประเทศไทย
https://www.posttoday.com/property/news/566438
พื้นที่โฆษณา
สนใจบัตรเครดิตสมัครได้ที่ >>> CitiBank